10 เทรนด์ Cloud Computing ปี 2024 ที่ทุกคนต้องรู้!

GG Kamonchanok/ March 14, 2024/ Cloud Computing, Knowledge Base/ 0 comments

ปี 2024 นี้จะเป็นปีที่ระบบ Cloud Computing มีโอกาสเติบโตและก้าวหน้ายิ่งขึ้น!

เห็นได้จากในปี 2023 ที่ผ่านมา ที่ AI ได้เข้ามามีอิทธิพลในแทบทุกสายงาน ซึ่ง Cloud Computing เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังที่สำคัญ รวมถึงมีการคาดการณ์ว่า การใช้จ่ายบนโครงสร้างพื้นฐาน Cloud ของธุรกิจทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งจะได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการใช้แพลตฟอร์มและบริการใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานทั้งในรูปแบบการทำงานส่วนตัวและการทำงานในองค์กร รวมถึงองค์กรต่างๆ ต่างมองหาโอกาสในการย้ายมาใช้ระบบ Cloud มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดค่าใช้จ่าย จากการใช้งาน Server แบบเดิมๆ

แต่ถึงอย่างไร Cloud Computing ยังมีความท้าทายที่สำคัญในด้านความปลอดภัยและการป้องกันข้อมูลที่ในปีที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์ด้าน Cyber Security อยู่หลายครั้ง ดังนั้นในปี 2024 ระบบ Cloud จะเป็นเครื่องมือที่เข้ามาเป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ ที่มาพร้อมด้านความปลอดภัยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากต้องการที่จะก้าวขาขึ้นมาเป็นผู้นำทางธุรกิจ จึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและพร้อมรับเทคโนโลยีระบบ Cloud ใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 

ดังนั้น ใน Blog นี้ Openlandscape ขอมายกตัวอย่าง 10 เทรนด์ Cloud Computing ในปี 2024 เพื่อเป็นแนวทางในการปรับตัวให้เท่าทันสถานการณ์และเทคโนโลยีในปี 2024 นี้

1. AI-as-a-Service

ระบบ Cloud มีบทบาทสำคัญในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึง AI ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น องค์กรที่มีความต้องการใช้ AI เป็นเบื้องหลัง จึงจำเป็นต้องมีระบบ Cloud ควบคู่ไปด้วย เช่น การพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (A large language model – LLM) ที่ใช้ในการทำงานของ AI อย่าง ChatGPT เจ้าดัง ที่ต้องทำงานบนข้อมูลจำนวนมหาศาล และจำเป็นต้องใช้การประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้น Cloud Infrastructure จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

2. Hybrid and Multi-Cloud

ในอุตสาหกรรมที่ต้องมีการจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่มาจากหลากหลายช่องทางและมีข้อมูลสำคัญเข้ามาค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทางด้านการเงิน, การขนส่ง, การแพทย์ รวมถึงธุรกิจ E-Commerce และอื่นๆ อีกมากมาย อาจจำเป็นที่จะต้องมีระบบ Cloud  มากกว่า 1 ระบบ เนื่องจากจะทำให้การใช้งานมีความยืดหยุ่น และช่วยให้องค์กรสามารถเลือกใช้ Cloud ได้ตามวัตถุประสงค์ได้อย่างลงตัว ซึ่งในปี 2024 องค์กรที่เลือกใช้ระบบ Hybrid Cloud ที่มีทั้ง Private และ Public Cloud คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 76% เป็น 85% ซึ่งข้อดีของการใช้ Hybrid Cloud คือ การใช้งานที่มีความยืดหยุ่นสูง ที่สามารถเลือกวิธีเก็บข้อมูลได้ตามความเหมาะสม กับ Cloud แต่ละรูปแบบ เช่น บางองค์กรมี Policy ในการเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือข้อมูลที่สำคัญไว้ที่ Private Cloud ของตนเอง และเลือกเก็บข้อมูลทั่วไปที่มีความเสี่ยงน้อยไว้ที่ Public Cloud เป็นต้น ส่วน Multi Cloud มีข้อดีคือ ทำให้องค์กรสามารถเลือกใช้ทรัพยากรจากผู้ให้บริการหลายราย เพื่อเลือกข้อดีหรือจุดเด่นของแต่ละผู้ให้บริการในการใช้งานที่เหมาะสมกับแต่ละจุด เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด แต่การใช้ Hybrid Cloud และ Multi Cloud ยังมีข้อเสียในเรื่องของความซับซ้อนในการบริหารจัดการ เนื่องจากต้องมีการจัดการหลายแพลตฟอร์ม เพื่อให้การทำงานระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

3.Real-Time Cloud Infrastructure

ปี 2024 เป็นปีที่องค์กรต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา ดังนั้นข้อมูลแบบ Real Time จึงเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญขององค์กร ที่จะช่วยตอบสนองผู้ใช้งานในปี 2024 ที่ต้องการข้อมูลแบบ Real Time โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมระบบ Streaming ภาพยนตร์และเพลง เช่น แอปพลิเคชัน Netflix และ Spotify, การประชุมผ่าน Video Conference อย่าง Zoom หรือ Teams และความบันเทิงแบบ Stream รูปแบบใหม่ เช่น Cloud Gaming ที่มีการใช้งานระบบ Cloud Computing ที่ค่อนข้างเยอะและต้องมีการขยายพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีระบบ Cloud ที่ยืดหยุ่นและมีความสามารถในการ Scale ได้อย่างง่ายดาย  

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

4.Cloud-Driven Innovation and Transformation

จากหัวข้อแรก AI-as-a-Service ที่ Cloud Computing อยู่เบื้องหลังในการประมวลผล AI ดังนั้น Cloud Computing จึงเสมือนเป็นประตูสู่เทคโนโลยีและการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ได้มากมาย เช่น Internet of Things (IoT) ที่ Cloud สามารถเชื่อมอุปกรณ์เล็กๆ เข้าด้วยกัน เพื่อรับ-ส่งหรือเก็บข้อมูลได้อัตโนมัติ หรือแม้แต่ Blockchain ที่มีการเก็บข้อมูลจำนวนมากไปจนถึงระบบ Quantum Computing ต่างสามารถใช้ Cloud ในการพัฒนาและจัดการข้อมูลได้ทั้งสิ้น

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

5.Cloud Security and Resilience

ในยุคที่การโจรกรรมและการละเมิดการเข้าถึงข้อมูลมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแฮกเกอร์มีการพัฒนารูปแบบการโจมตีอยู่เสมอ อีกทั้งยังพัฒนาการโจมตีด้วย AI และ Machine Learning ส่งผลให้ 3 ปัจจัยหลักทั้ง การเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) , การรับรองความถูกต้อง (Authentication) , และการกู้คืนข้อมูล (Disaster Recovery) ของบริการ Cloud จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและสำคัญต่อทุกองค์กรที่ใช้ Cloud อย่างมาก เพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลในระบบ Cloud Computing ดังนั้นผู้ให้บริการ Cloud จึงต้องพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของฟังก์ชันเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

6.Sustainable Cloud Computing

การให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ยังคงมาแรงในปี 2024 รวมถึงเหล่าผู้ให้บริการ Cloud รายใหญ่ในระดับโลก ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่ตนต่างมีส่วนร่วมในการสร้างมลพิษ ทั้งในส่วนของการทำงานในบริษัท และสิ่งที่ผู้ใช้งานของตนเองสร้างมลพิษจากการใช้บริการ Cloud อีกด้วย ดังนั้น กระแสการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมจึงเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของผู้ให้บริการ Cloud หลายๆ เจ้าที่จะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นในปี 2024

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

7.Simplified Cloud Computing

ปัจจุบันเครื่องมือ Low-Code/No-Code ได้สร้างโอกาสให้ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิค สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Software Engineer หรือ Developer ในการสร้างแอปพลิเคชันทุกขั้นตอน เช่นเดียวกันกับผู้ให้บริการ Cloud ได้มีการใช้ประโยชน์จาก Interface แบบ Drag-and-Drop ที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าไปบริหารจัดการ เกี่ยวกับระบบ Cloud ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น 

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

8. Privacy In The Cloud

กฎหมาย PDPA และการตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัว ทำให้เกิดการพัฒนาโซลูชันต่างๆ อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงกฎระเบียบและกฎหมายที่ออกมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก Cloud ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ใช้บริการ Cloud มั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนเองได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัย  ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้ให้บริการ Cloud ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวในปี 2024 รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการด้วยการเน้นย้ำว่าข้อมูลจะไม่มีการรั่วไหลอย่างแน่นอน

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

9.Serverless and Pay-As-You-Go Cloud

โดยปกติแล้วผู้ให้บริการ Cloud มักเรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการโฮสต์ แต่สำหรับการให้บริการ Cloud ในรูปแบบ Serverless ที่ผู้ให้บริการแบ่งทรัพยากรให้เช่าใช้ตามความต้องการ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องลงทุนและดูแล Server เอง จะมีการเรียกเก็บค่าใช้เช่าตามจำนวนการใช้งานจริงหรือใช้เท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น (Pay-As-You-Go) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้งาน ดังนั้น ผู้ให้บริการ Cloud ในรูปแบบ Serverless หรือการคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนการใช้งานจริง (Pay-As-You-Go) จะได้รับความนิยมสูงมากขึ้น

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

10.Edge Computing Everywhere

Edge Computing เป็นเทคโนโลยีการประมวลผลในตำแหน่งที่ใกล้กับจุดกำเนิดข้อมูลมากที่สุด เช่น เครื่องตรวจวัดหัวใจแบบพกพา ที่สามารถตรวจการเต้นของหัวใจและสามารถส่งข้อมูลไปยังระบบ Cloud ได้อย่าง Real Time เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์แล้วทำการส่งกลับมายังผู้ใช้งาน ทำให้ได้รับข้อมูลที่ละเอียด รวดเร็ว และไม่สิ้นเปลือง Bandwidth ดังนั้นจึงทำให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งต่อผู้ผลิตและผู้ใช้งาน อีกทั้งผู้ใช้งานยังได้รับข้อมูลที่มีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

เครดิตภาพ : https://www.freepik.com

สุดท้ายแล้ว คำว่าเทคโนโลยีไม่มีวันหยุดพัฒนาและยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเราก็ไม่ควรหยุดพัฒนาเช่นกัน ควรมีการปรับตัวให้เข้ากับนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้าน Cloud และในด้านอื่นๆ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่สามารถสร้างประโยชน์และขับเคลื่อนให้องค์กรสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ข้อมูลอ้างอิง

 https://www.forbes.com/sites/bernardmarr/2023/10/09/the-10-biggest-cloud-computing-trends-in-2024-everyone-must-be-ready-for-now/?sh=2a30b39b66d6

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <s> <strike> <strong>
*
*